ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกเกอร์ สำหรับบล็อกนี้เป็นบล็อกที่ทำเป็นครั้งแรก เพื่อนๆเข้ามาดูหรือเยี่ยมชมก็สามารถ ติชมได้น่ะค่ะ เราได้หัดทำจากการเรียนวิชาอินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ภาคอิสาน

เลย

ภูกระดึง 



          เป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นภูเขาหินทรายยอดตัด เป็นที่ราบขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพทั่วไปของภูกระดึง ประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี บนยอดภูกระดึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียส จึงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยว ปรารถนาและหวังจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึง สักครั้งหนึ่งในชีวิต

         สำหรับการเดินทางขึ้นภูกระดึงนั้น ทางอุทยานฯ จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00 - 14.00 น. ของทุกวัน และหลังจากเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ทางอุทยานฯ จะไม่อนุญาต เพราะระยะทางในการเดินทางขึ้นเขาต้องใช้เวลาในการเดินเท้า ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทาง ดังนั้น อาจจะทำให้เกิดความยากลำบาก อีกทั้งอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืนอีกด้วย

อุดรธานี

คำชะโนด
       




       ตั้งอยู่ที่ ตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี  เป็นสถานที่ ที่ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พญานาคาอาศัยอยู่ ชึ่งอยู่บริเวณวัดสิริสุทโธ เป็นที่น่าแปลกที่มีป่าขนาดใหญ่ปกคลุมด้วยนานาพรรณไม้โดยเฉพาะ ต้นชะโนด อยู่กลางทุ่งนา ก่อนที่จะเข้าไปชมในบริเวณป่าคำชะโนด ผมได้รับข้อมูลจาก ท่านกำนันของหมู่บ้าน ว่าด้วยเรื่องที่มาและความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค
        เดิมทีคนท้องถิ่นจะเรียกที่นี่ว่า "วังนาคินทร์คำชะโนด" ที่มาก็คือมีบ่อน้ำอยู่กลางดงชะโนด เป็นบ่อน้ำขนาดเล็กๆ แต่กลับมีน้ำซึมออกมาตามธรรมชาติตลอดเวลา ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าบ่อน้ำประทานมาให้โดยพญานาคที่อาศัยอยู่ในบริเวณผืนป่า สำหรับบ่อน้ำในป่าคำชะโนด ว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำที่ความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ชาวบ้านเชื่อกันอย่างนั้น มีหลายคนเคยลองอธิษฐานตรงหน้าบ่อน้ำก็ได้ตามประสงค์ บางคนเจ็บป่วยไปดื่มหรืออาบโรคร้ายก็หายเป็นปลิดทิ้ง สร้างความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก แต่นั่นไม่ใช่ทุกคน อยู่ที่ความเชื่อมีมากน้อยแค่ไหน หลายคนไม่เชื่อแถมยังลบหลู่ ตักน้ำจากบ่อแล้วนำมาล้างเท้าแทนที่จะหายป่วยไข้กลับทุกข์ทรมานซ้ำหนักกว่าเดิม 

นครพนม

             ธาตุพนม


            พระธาตุพนมประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุ พนม จังหวัดนครพนม ตามตำนานกล่าวว่าสร้างมานานไม่น้อยกว่า ๒,๓๐๐ ปี ผู้ที่สร้าง คือ พระ มหากัสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ ได้นำพระอุรังคธาตุหรือกระดูกหน้าอก ของสมเด็จพระสัมมนาพุทธเจ้ามาเพื่อบรรจุไว้ในพระธาตุผู้ที่ร่วมช่วยในการสร้างพระ ธาตุนี้คือ ท้ายพระยาเมืองต่าง ๆ พญานันทเสน เมืองศรีโคตรบูรณ์ (เมืองนครพนม เดิม) พญาจุลนีพรหมทัด พระยาอินทรปัตนคร และพญาดำแดง เมืองหนองหารน้อย พากันยกโยธามาช่วยสร้างพระธาตุพนมจนเสร็จและบรรจุอุรังคธาตุพร้อมของมีค่าไว้ ภายในเป็นจำนวนมาก 
          ในปี พ.ศ. 2485 ได้รับการยกฐานะเป็น พระอารามหลวงชั้นเอกขึ้นเป็น "วรมหาวิหาร" ต่อมาในวันที่ 11 สิงหาคม 2518 เวลา 19.38 น. พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงทั้งองค์ เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุพนม และประจวบกับระหว่างนั้นฝนตกพายุพัดแรงติดต่อมาหลายวัน ประชาชนทั้ง ประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม การก่อสร้างนี้เสร็จ สิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2522 นอกจากพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในองค์พระธาตุแล้ว ยังมีของมีค่ามาก มายนับหมื่นชิ้น โดยเฉพาะฉัตรทองคำบนยอดพระธาตุ มีน้ำหนักถึง 110 กิโลกรัม ปัจจุบันองค์พระธาตุ มีฐานกว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.60 เมตร เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูงแลดูสง่างาม
            วัดพระธาตุพนมเป็นวัดวรมหาวิหาร พระอารามหลวง ถือเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ถึงคราวพระราชพิธีราชาภิเษกทุกรัชกาลมา จะต้องนำน้ำจากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ไปร่วมพิธีด้วยเพื่อประกอบพิธีมุรธาภิเษก และเมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งถือ ว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีเดิม จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานต้นไม้ ทอง เงิน น้ำอบและผ้าคลุมส่งไปนมัสการพระธาตุพนมทุกปี และเมื่อถึงเทศกาลเข้าปุ ริมพรรษา ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษาเป็นพุทธบูชาทุกปีมา
           งานนมัสการพระธาตุพนมประจำปี ถือเอาวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ของ ทุกปีเป็นวันแรกของงานไปสิ้นสุดเอาวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๓

            

ภาคะวันออก

จันทบุรี

อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว



       ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาสระบาป อำเภอแหลมสิงห์ จากตัวเมืองจันทบุรีขับรถออกมาที่ถนนสุขุมวิท ตรงกิโลเมตร ที่ 346 มีทางแยกซ้ายไปน้ำตกพลิ้ว 2 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีเนื้อที่ทั้งหมด 134.5ตาราง กิโลเมตร ประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปีพ.ศ. 2518 สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่งมีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ เช่น ขนุนป่า กระท้อนป่า พิมเสน ขึ้นอยู่ทั่วไป ที่พักมี-บ้านพัก 3 หลัง พักได้หลังละ 8 คน ราคาหลังละ 600-800บาทและค่ายพักแรมพักได้ 20-50 คน ราคาหลังละ 200-500 บาท ติดต่อรายละเอียดได้ที่ กอง อุทยานแห่งชาติโทร. 5790529, 5794842 สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกพลิ้ว มี 3 ชั้น จากทางขึ้นไป 200เมตร มี อลงกรณ์เจดีย์ อยู่ทางขวามือเป็นเจดีย์ศิลาแลง รัชกาลที่ 5 โปรดให้พระยา จันทบุรีเป็นแม่กองสร้าง เมื่อ พ.ศ.2419 นอกจากนี้แล้วบริเวณใกล้ ๆ กัน ยังมีปิรามิดอีกแห่งหนึ่งชื่อ "ปิรามิดพระนางเรือล่ม" หรือ "สถูปพระนาง-เรือล่ม" เป็นที่บรรจุพระอังคารของพระนางเจ้า-สุนันทากุมารี รัตน์ (พระนางเรือล่ม) ซึ่งเคยเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้ว เมื่อพ.ศ.2417 ในธารน้ำตกมีปลาพลวงอาศัยอยู่เป็น จำนวนมา

ชลบุรี

ปราสาทสัจธรรม




     ตั้งอยู่บริเวณแหลมราชเวช ตำบลนาเกลือ เมืองพัทยา ทางเข้าอยู่บริเวณซอยนาเกลือ 12 เป็นปราสาทไม้ริมทะเลที่อลังการตระการตา งดงามด้วยประติมากรรมและลวดลายแกะสลักที่สะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ ภูมิปัญญา คุณธรรมและปรัชญาของคนในโลกตะวันออก เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2524 โดยคุณเล็ก วิริยะพันธ์ ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ปราสาทสัจธรรมสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ไม่มีโลหะเข้ามาปะปน ใช้ระบบเข้าเดือยไม้แบบไทย หรือใส่สลักไม้ นับเป็นงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมแห่งศตวรรษ ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. ค่าเข้าชมท่านละ 500 บาท หรือติดต่อสอบรายละเอียดล่วงหน้าได้ที่ โทร. 0 3836 7229-30 ,0 3836 7915

ระยอง

เกาะเสม็ด 






      เชื่อกันว่าคือเกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ของสุนทรภู่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อของระยอง ที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทย และชาวต่างประเทศ ตั้งอยู่ตำบลเพ อำเภอเมือง อยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านเพประมาณ ๖.๕ กิโลเมตร  มีเนื้อที่ประมาณ ๓,๑๒๕ ไร่ มีลักษณะเป็นเกาะรูปสามเหลี่ยม  ส่วนฐานของเกาะอยู่ด้านทิศเหนือ  ซึ่งหันเข้าสู่ฝั่งบ้านเพ มีภูเขาสลับซับซ้อนกันอยู่ ๒-๓ ลูก มีที่ราบอยู่ตามริมฝั่งชายหาด   ส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านเหนือ และตะวันออก เหตุที่มีชื่อว่า “เกาะเสม็ด” เพราะเกาะนี้มีต้นเสม็ดขาว และเสม็ดแดงขึ้นอยู่มาก ซึ่งในอดีตชาวบ้านนำมาใช้ทำใต้จุดไฟ บนเกาะเสม็ดไม่มีแม่น้ำลำคลอง ประมาณ ๘๐% ของพื้นที่ เป็นภูเขา และป่าไม้เบญจพรรณ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายนเป็นช่วงฤดูฝนมีมรสุม คลื่นลมจัดมาก และยังมีฝนตกชุก
       




อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด  

          ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเพ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ มีเนื้อที่ ๘๑,๘๗๕ ไร่ ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่ง และในทะเล ตลอดจนเกาะต่าง ๆ ประกอบด้วยสถานที่น่าสนใจ  คือ หาดแม่รำพึง  เขาแหลมหญ้า และหมู่เกาะเสม็ด  อันประกอบไปด้วย เกาะเสม็ด เกาะจันทร์ เกาะสันฉลาม เกาะหินขาว เกาะค้างคาว เกาะกุฎี เกาะกรวย และเกาะปลาตีน สถานที่ที่เป็นจุดเด่น คือ เกาะเสม็ด หรือเกาะแก้วพิศดาร

ภาคใต้

พังงา

เกาะยาว

เกาะยาว ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 137.6 ตร.ม. โดยประกอบด้วย 2 เกาะหลักๆ คือ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ และเกาะต่างๆ รายล้อมอีกมากมาย ชายหาดส่วนใหญ่ของเกาะยาวน้อยตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตก ถ้าคุณมาจากท่าเรือมาเนาะ ผ่านที่ว่าการอำเภอมาประมาณ 7 กิโลเมตร ท่านจะได้พบกับ หาดป่าทราย ซึ่งเป็นชายหาดที่ยาว 400 เมตร และจากที่นี่ คุณสามารถชมทิวทัศน์ของเกาะผักเบี้ย เกาะห้อง และชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงาม
ถัดไปทางเหนือของหาดป่าทราย คือ หาดคลองชักและ หาดท่าเขา เป็นหาดที่เต็มไปด้วยหินมากมาย ถ้าหากเดินไปทางเหนือของเกาะคุณจะได้พบกับ อ่าวเคียน ซึ่งมีลักษณะเป็นชายหาดแนวโค้งเว้า มีความยาวประมาณ 50 เมตร กับท้องทะเลสีคราม เหมาะแก่การว่ายน้ำอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เราสามารถเดินทางไป อ่าวเคียน ได้แค่ทางเรือเท่านั้น
ณ ที่นี่นี่เอง ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะยาวน้อย ซึ่งมีอาชีพทำนาและประมงเสียส่วนใหญ่
ภาคใต้ของประเทศไทยนับได้ว่าเป็นศูนย์กลางในเรื่องการทำการประมง ดังนั้นคุณสามารถที่จะจับปลาหรือกุ้งสดๆ เพื่อใช้ในการทำอาหารเย็นได้เลย ในขณะเดียวกัน ถนนที่ภาคใต้ของประเทศไทย ก็กำลังถูกเปลี่ยนให้เป็น ถนนสายสุขภาพ ซึ่งคนส่วนใหญ่ชอบที่จะมาวิ่งจ็อกกิ้งและเล่นกีฬากันที่นี่
นอกจากนี้ จากเกาะยาวน้อย ท่านสามารถเดินทางไปที่เกาะต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ได้อย่างสะดวก ซึ่งหลังจากการสำรวจเกาะนี้อย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จะยังคงแวะไปที่เกาะเหลาไบเล หรือ เกาะห้อง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยตำรวจท้องถิ่นของอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี สำหรับผู้ที่ต้องการดูหาดทรายที่งดงาม และแนวปะการัง ท่านไม่ควรพลาด ที่จะแวะไปที่เกาะเหลาฮุนดู และ เกาะผักเบี้ย

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สุราษฎร์ธานี

      เกาะสมุย



         เกาะสมุย เกาะที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อยู่บริเวณอ่าวไทย ห่างจากสุราษฎร์ธานีไปทางทิศตะวันออก ๘๔ กิโลเมตร มีเนื้อที่ ๒๔๗ ตารางกิโลเมตร ถนนรอบเกาะ (ถนนสายทวีราษฎร์ภักดี) ยาว ๕๒ กิโลเมตร  พื้นที่ ๑ ใน ๓ ของเกาะเป็นที่ราบ ล้อมรอบภูเขา ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงคลื่นลมสงบเหมาะแก่การท่องเที่ยวที่สุด เกาะสมุย เป็นเกาะที่มีหาดทรายสวยทรายขาวมีชื่อหลายแห่ง อาทิ หาดเฉวง หาดนาเทียน หาดตลิ่งงาม หาดละไม นักท่องเที่ยวที่ต้องการหาดทราย ทะเล สายลม และแสงแดด ชายหาดที่ทอดยาวขนานไปกับทะเล ต้นมะพร้าวริมชายหาดและน้ำทะเลใสสวย ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยไปสมุยมาแล้วต้องหวนกลับไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า  อาหารทะเลสด ๆ ก็เป็นอีกเสน่ห์ที่ชวนให้นึกถึง
        นอกจากทะเลสวยน้ำใส เกาะสมุยยังมีกิจกรรมที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลกบริการนักท่องเที่ยว นั่นก็คือ สปา….หรือการดูแลรักษาสุขภาพด้วยการใช้น้ำบำบัด  เช่น การอาบแช่น้ำ อาจจะเป็นน้ำแร่ หรือน้ำร้อน การบำบัดโดยการนวด  หรือ การใช้พฤกษาบำบัด โดยใช้กลิ่นพืชพรรณธรรมชาติช่วยในการคลายเครียด ซึ่งมีสถานที่บริการอยู่หลายแห่ง ทั้งในโรงแรมและศูนย์สปาโดยเฉพาะ แต่ละสถานที่มีบรรยากาศ ความสะดวกสบาย และการบริการที่ดีเยี่ยม ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง   และสำหรับนักกอล์ฟที่นี่ก็มีสนามกอล์ฟให้ได้ออกกำลังกายอีกด้วย
         ความสวยงามทางธรรมชาติ ความสะดวกสบาของเกาะสมุย ยังผสมผสานด้วยศิลปวัฒนธรรมของชาวพื้นถิ่นที่ยังคงเป็นรากฐานของความเป็นมาของชุมชนอีกหลายแห่งบนเกาะ เช่น วัดสำเร็จ  วัดละไม เจดีย์แหลมสอ เป็นต้น   



เกาะพะงัน


     เกาะพะงัน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลอันดับต้นๆของประเทศไทย เพราะยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก มีหาดทรายขาว และทะเลสีเขียวมรกตซึ่ง เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสงบและพักผ่อนหย่อนใจจากสังคมเมืองที่วุ่นวาย

กระบี่

วันฟ้าใหม่แห่งท้องทะเลหมู่เกาะลันตา



เกาะลันตา ตั้งอยู่ฝั่งท้องทะเลอันดามัน ระหว่างกระบี่ และเกาะพีพี ประกอบด้วยเกาะลันตาน้อยและเกาะลันตาใหญ่ เกาะที่มีธุกิจท่องเที่ยวและการประกอบการทั้งหมดจะอยู่ที่เกาะลันตาใหญ่ เพราะเกาะลันตาใหญ่เป็นเกาะที่ประกอบด้วยเวิ้งหาดจำนวนมาก ถึง 13 หาด ซึ่งแต่ละหาดมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป และหลากหลายด้วยที่พักในหลายแบบที่นักท่องเที่ยวต้องการ
 สามารถว่าได้ว่า เกาะลันตา เป็นเกาะท่องเที่ยวที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ ด้วยเพราะเป็นเกาะขนาดใหญ่ และหาดทุกหาดจะเรียงตัวอยู่ทางฝั่งตะวันตกทั้งหมด มีหาดทรายละเอียดงามและน้ำทะเลใสสะอาด ไม่เจริญและวุ่นวายมากนัก จึงเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ
เกาะลันตาใหญมีลักษณะยาวทั้งหมดเกือบ 30 กิโลเมตร และมีความกว้างทั้งหมด 6 กิโลเมตร บริวารรอบเกาะ ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการสน๊อกเกิ้ลและดำน้ำลึกได้อย่างดีและสวยงามติดอันดับโลกเลยทีเดียว


เกาะพีพี


ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองทะเล ตำบลไสไทย ตำบลอ่าวนาง และตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ 242,437 ไร่ เป็นพื้นน้ำประมาณ 200,849 ไร่ มีป่าไม้ 3 ประเภท คือ ป่าดงดิบชื้น พบเห็นได้บริเวณเขาสูงชันบริเวณเขาหางนาค เขาอ่าวนาง ป่าชายเลน จะพบบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ คลองย่านสะบ้า และด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณสุสานหอย 40 ล้านปี และป่าพรุ ที่พบต้นเสม็ดขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ มีสัตว์ต่าง ๆ ที่พบในอุทยานฯ ได้แก่ นกโจรสลัด เหยี่ยวแดง นกออก นกนางแอ่นกินรัง หมูป่า ลิง และค่าง สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวคือเดือนพฤษภาคม - เดือนเมษายน


ภาคเหนือ

สุโขทัย

           สุโขทัย

      ตลอดระยะเวลา 417 ปี ที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแห่งราชอาณาจักรไทย มิได้เป็นเพียงช่วงเวลาแห่งความเจริญสูงสุดของชนชาติไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์อารยธรรมของหมู่มวลมนุษ์ยชาติ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่นานาอารยประเทศอีกด้วย แม้ว่ากรุงศรีอยุธยาจะถูกทำลายเสียหายจากการสงครามจากประเทศเพื่อนบ้านและจากน้ำมือการบุกรุกขุดค้นของพวกเรากันเองแล้ว ส่วนที่ปรากฏในปัจจุบันนี้ยังมีร่องรอยหลักฐานซึ่งแสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพและความสามารถยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษแห่งราชอาณาจักรผู้อุทิศตนสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมและความมั่งคั่งไว้ให้แก่ผืนแผ่นดินไทยหรือแม้แต่ชาวโลกทั้งมวล
      ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่ายูเนสโก โดยคณะกรรมการมรดกโลกได้มีมติรับนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งใจกลางกรุงศรีอยุธยาที่ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 ไว้ในบัญชีมรดกโลก เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 ณ กรุงคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย พร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัยและกำแพงเพชร ซึ่งจะมีผลให้ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญาที่ประเทศต่างๆได้ทำร่วมกัน จึงสมควรที่อนุชนคนรุ่นหลังน่าที่จะได้ไปศึกษาเยี่ยมชมเมืองหลวงเก่าของเราแห่งนี้
     สถานที่ท่องเที่ยงของพระนครศรีอยุธยาส่วนใหญ่เป็นโบราณสถานได้แก่ วัดและพระราชวังต่างๆพระราชวังในพระนครศรีอยุธยามีอยู่ 3 แห่งคือ พระราชวังหลวง วังจันทรเกษม หรือวังหน้าและวังหลัง นอกจากนี้ยังมีวังและตำหนักซึ่งเป็นที่สำหรับเสด็จประพาสอยู่นอกพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ พระราชวังบางปะอิน และ ตำหนักนครหลวง ที่อำเภอนครหลวง.
        การเดินทาง การเดินทางไปอุทยานฯ จากตัวเมืองสุโขทัย นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถประจำทางสายเมืองเก่า (รถสองแถว) จอดรอบบริเวณที่ท่ารถใกล้ป้อมยามตำรวจ ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำยมไปทางฝั่งตะวันตกราว 200 เมตร มีรถออกทุก 20 นาที ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. ทุกวัน และจากอุทยานฯ มีรถจอดที่บริเวณลานจอดรถ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 

เชียงใหม่

ดอยสุเทพ

         ตามประวัติได้แจ้งว่า เมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 19 พระเจ้ากือนา ได้ทรงสร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารไว้บนยอด เขาดอยสุเทพ โดยได้นำเอาพระบรมธาตุ ของพระพุทธเจ้า ที่พระมหาสวามี นำมาจากเมืองปางจา จังหวัดสุโขทัย บรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร นอกจากจะเป็นวัดที่มีความสำคัญมากแล้ว ยังเป็นพระอารามหลวง 1 ใน 4 ของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย (พระอารามหลวงหมายถึง วัดที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเจาอยู่หัวฯ) ชาวเชียงใหม่เคารพนับถือพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารมาก เสมือนหนึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาแต่
โบราณกาล



       วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์และเป็นวัดท่องเที่ยว ซึ่งเป็นที่รู้จักของประชาชนชาวไทยโดยทั่วไป ในฐานะที่เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากวัดหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 14 กิโลเมตร อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,053 เมตร อยู่ในเขตตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

บันไดนาค



       บันใดนาค เป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของวัดพระธาตุดอยสุเทพ มีความงดงามทางด้านศิลปะที่ทรงคุณค่า และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวผู้มานมัสการพระบรมธาตุ มักจะต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกที่ด้านของบันใดนาค ซึ่งมีทัศนียภาพงดงามและมีเสน่ห์เมื่อมองขึ้นไปตามขั้นใด นักท่องเที่ยวที่มาเยือนครั้งแรก มักจะเดิน ขึ้นหรือเดินลงบันใดนาคเสมอ แต่ส่วนใหญ่มักจะเดินลง ส่วนตอนขึ้นนั้นมักจะขึ้นทางลิฟท์หรือรถรางไฟฟ้า

เชียงราย

ภูชี้ฟ้า  


     เป็นยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น สูงจากระดับน้ำทะเล 1,628 เมตร ด้านที่ติดสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีหน้าผาสูงชัน เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด ในฤดูหนาวจะมีทิวทัศน์สวยงามเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาค้างแรมบริเวณบ้านร่มฟ้าทองทางห่างจากจุดชมวิวประมาณ 1.5 กิโลเมตร แล้วจะเดินขึ้นภูชี้ฟ้าเพื่อไปชมวิวตอนเช้ามืด ระหว่างทางจะพบแปลงปลูกป่านางพญาเสือ ออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม (เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์) และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ต้นเสี้ยวดอกขาวรอบภูชี้ฟ้าจะออกดอกบานเต็มเชิงเขา
การเดินทาง 
• รถยนต์ ภูชี้ฟ้าอยู่ห่างจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ประมาณ 144 กิโลเมตร การเดินทางจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ไปยังภูชี้ฟ้าได้ตามแนวเส้นทางดังนี้
   1.จากอำเภอเมืองเชียงรายไปอำเภอเทิง ผ่านสามแยกโรงเรียนภูซางวิทยาคม บ้านสบบงและสามแยกบ้านม่วงชุมแล้วเดินทางต่อไป ก็จะถึงภูชี้ฟ้า
   2.ไปตามทางหลวงจังหวัดสาย 1093 ผ่านน้ำตกภูซาง ด่านบ้านฮวก ศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงดอยผาหม่น ผ่านจุดท่องเที่ยวได้แก่ น้ำตกภูซาง (อุทยานแห่งชาติภูซาง) และศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงดอยผาหม่น ทดลองและส่งเสริมปลูกไม้ดอกเมืองหนาว เช่น ทิวลิป ลิลลี่
• จากภูชี้ฟ้าสามารถเดินทางไปยังดอยผาตั้ง อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย โดยอยู่ห่างออกไปตามเส้นทางหลวงจังหวัดสาย 1093 เป็นระยะทาง 25 กิโลเมตร และจากดอยผาตั้งยังสามารถเดินทางต่อไปยังอำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายได้อีกด้วย

ภาคกลาง

อยุธยา

 วัดพระราม 



       อยู่นอกเขตพระราชวังไปทางด้านทิศตะวันออก ตรงข้ามกับวิหารพระมงคลบพิตร  สมเด็จพระราเมศวรทรงสร้างขึ้นตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรามาธิบดีที่๑(พระเจ้าอู่ทอง)พระราชบิดา วัดนี้มีบึงขนาดใหญ่อยู่หน้าวัด เดิมเรียกว่า “หนองโสน” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บึงพระราม” ปัจจุบันคือ “สวนสาธารณะบึงพระราม” ซึ่งใช้เป็นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐–๑๖.๓๐ น. ค่าเข้าชม ชาวไทย ๑๐ บาท ชาวต่างประเทศ ๓๐ บาท หมายเหตุ  ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๙.๓๐น.- ๒๑.๐๐น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
     ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวมได้ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างประเทศ 220 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชมวัดและพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้  ภายในระยะเวลา 30 วัน อันได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังหลวง  วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระราม วัดมเหยงค์ วัดไชยวัฒนาราม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท   และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม  ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท

     หมายเหตุ  ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.30 - 21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน



วัดมหาธาตุ





       วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พงศาวดารบางฉบับกล่าวว่าวัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ต่อมาสมเด็จพระราเมศวรโปรดเกล้าฯให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดเมื่อพ.ศ.๑๙๒๗ พระปรางค์วัดมหาธาตุถือเป็นปรางค์ที่สร้างในระยะแรกของสมัยอยุธยาซึ่งได้รับอิทธิพลของปรางค์ขอมปนอยู่  ชั้นล่างก่อสร้างด้วยศิลาแลงแต่ที่เสริมใหม่ตอนบนเป็นอิฐถือปูน สมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ทรงปฏิสังขรณ์พระปรางค์ใหม่โดยเสริมให้สูงกว่าเดิม แต่ขณะนี้ยอดพังลงมาเหลือเพียงชั้นมุขเท่านั้น จึงเป็นที่น่าเสียดายเพราะมีหลักฐานว่าเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่มากและก่อสร้างอย่างวิจิตรสวยงามมาก  เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๙ กรมศิลปากรได้ขุดแต่งพระปรางค์แห่งนี้ พบของโบราณหลายชิ้น ที่สำคัญคือ ผอบศิลา ภายในมีสถูปซ้อนกัน ๗ ชั้น แบ่งออกเป็น ชิน เงิน นาก ไม้ดำ ไม้จันทร์แดง แก้วโกเมน และทองคำ ชั้นในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเครื่องประดับอันมีค่า ปัจจุบันพระบรมสารีริกธาตุนำไปประดิษฐานไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา  การเดินทาง  หากมาจากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วข้ามสะพานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตรงไปจนถึงสี่แยกไฟแดงที่ ๒ เลี้ยวขวาตรงไปไม่ไกลนัก ผ่านบึงพระราม จะเห็นวัดมหาธาตุอยู่ทางซ้ายมือ  เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐–๑๖.๓๐ น. ค่าเข้าชม ชาวไทย ๑๐ บาท ชาวต่างประเทศ ๓๐ บาท หมายเหตุ  ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๙.๓๐น.-๒๑.๐๐น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน




กรุงเทพ

สวนสยาม




          ตั้งอยู่ที่ถนนสุขาภิบาล ๒ คันนายาว เขตบึงกุ่ม มีเนื้อที่ ๗๒ ไร่ เป็นสวนสนุกที่ประกอบไปด้วยทะเลน้ำจืด สไลเดอร์ สวนนก พร้อมด้วยเครื่องเล่นนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีศูนย์ศิลปวัฒนธรรมจัดแสดงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ เช่น จีน ลาว กัมพูชา เป็นต้น เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐-๑๘.๐๐ น. ในวันหยุดราชการเวลา  ๐๙.๐๐-๑๙.๐๐ น. ติดต่อสอบถามรายละเอียดการเดินทาง และอัตราค่าเข้าชมได้ที่ โทร. ๐ ๒๙๑๙ ๗๒๐๐-๑๙
          นอกจากสวนสนุกต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้นภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่งในกรุงเทพฯ ก็มีสวนสนุกตั้งอยู่ภายในบริเวณอาคาร เช่น แฟนตาเซีย ลากูน ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์  (บางแค, บางกะปิ) โทร. ๐ ๒๔๕๔ ๙๓๐๗,    ลีโอ แลนด์ ที่เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา โทร. ๐ ๒๓๖๑ ๐๘๘๘, ซีคอนสแควร์ (ศรีนครินทร์) โทร. ๐ ๒๗๒๑  ๘๙๓๑-๓๓, ฟิวเจอร์พาร์ค (บางแค) โทร. ๐ ๒๔๕๔ ๘๕๐๐ และอิมพีเรียลเวิร์ล (สำโรง) โทร. ๐ ๒๓๘๔ ๐๕๕๕-๖ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสวนสนุกที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ      ได้แก่ "ดรีมเวิลด์" ตั้งอยู่ที่กิโลเมตรที่ ๗ ถนนรังสิต-นครนายก อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี  โทร. ๐ ๒๕๓๓ ๑๑๕๒, ๐ ๒๕๓๓ ๑๔๔๗ และ ๐ ๒๕๓๓ ๑๔๔๙
ซาฟารีเวิลด์  ตั้งอยู่เลขที่ ๙๙ ถนนรามอินทรา  บริเวณกิโลเมตรที่ ๙ เขตมีนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ ๔๓๐ ไร่     แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ซาฟารีปาร์ค ซึ่งเป็นสวนสัตว์เปิด มีสัตว์ต่าง ๆ เช่น ม้าลาย กวาง ยีราฟ นก เสือ สิงโต หมี ฯลฯ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งรถชมชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ตามธรรมชาติโดยรถส่วนตัว หรือรถบริการพร้อมผู้บรรยายของซาฟารีเวิลด์ ส่วนที่สอง คือ มารีนปาร์ค หรือสวนน้ำ มีสัตว์น้ำ และสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่หาดูให้ชมยาก รวมทั้งการแสดงต่าง ๆ  เช่น การแสดงของปลาโลมา, นก, แมวน้ำ และลิง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและเกมส์ต่าง ๆ เช่น เกมส์ปาเป้า ยิงปืน โยนบ่วง ฯลฯ ไว้บริการ ในส่วนนี้มีรถรางพาชมรอบบริเวณด้วย ซาฟารีเวิลด์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ๓๙๐ บาท เด็ก ๒๙๐ บาท    ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๒๕๑๘-๑๐๐๐-๑๙



ผจญภัยกลางสายน้ำเชี่ยวกับแกรนด์แคนยอน 


       และที่บริเวณรอบทะเลสาบแห่งนี้เองที่เด็กๆและนักท่องเที่ยวทั้งหลายจะได้ชม "เดอะ คัลเลอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์ พาเหรด" ขบวนพาเหรดนานาชาติน่ารักๆ ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ พ.ศ.2547 ปีฉลองครบรอบ 10 ปีสวนสนุกดรีมเวิลด์ ซึ่งนำขบวนมาโดยพี่ดรีมมี่ หรือตัวหิ่งห้อยสัญลักษณ์ของดรีมเวิลด์ และเหล่าดาราการ์ตูนที่มากับรถเค้กยักษ์สีสันสดใส ตื่นตากับรถสฟิงซ์พร้อมคลีโอพัตราจากอียิปต์ และอีกหลากหลายสีสัน ในเวลา 15.45 น.ของทุกวัน ใครที่ชื่นชอบก็จำเวลาเอาไว้ให้ดีแล้วมาดักรอชมกันได้
   
       หากใครชอบความสูงและอยากชมวิวของดรีมเวิลด์ในมุมกว้างก็สามารถขึ้น "เคเบิ้ลคาร์" ชมทัศนียภาพในมุมสูงและกว้างทั่วอาณาจักรแห่งความสุขนี้ได้ แต่หากไม่ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ เดินต่อไปก็จะเจอะเจอกับเมืองแห่งเทพนิยาย "แฟนตาซีแลนด์" (Fantasy Land) ที่ถูกเนรมิตรขึ้นจากเทพนิยายเอกของโลก เช่น บ้านยักษ์ ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา บ้านขนมปัง ดาบวิเศษ สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ให้เด็กๆได้ตื่นตาตื่นใจถ่ายรูปเล่นกันได้อย่างเพลิดเพลิน

กาญจนบุรี

       อุทยาน แห่งชาติไทรโยค

         มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ตั้งแต่ครั้งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสน้ำตกไทรโยค และได้ลงสรงน้ำในธารน้ำ  หลังจากนั้นน้ำตกไทรโยคจึงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและผู้คนโดยทั่วไป ดั่งเพลง"เขมรไทรโยค" เป็นเพลงไทยอมตะ บรรยายถึงความซาบซึ่งในธรรมชาติ และความงามของน้ำตกไทรโยค ยังความประทับใจแก่ชาวไทยมาตราบเท่าทุกวันนี้  อุทยานแห่งชาติไทรโยค มีเนื้อที่ 500 ตารางกิโลเมตร หรือ 312,500 ไร่
จุดเด่นที่น่าสนใจ น้ำตกไทรโยค
       เป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อยแยกเป็น 2 แพร่ง ต้นกำเนิดของสายน้ำเชื่อว่าเกิดจากอุทยานแห่งชาติเอราวัณส่วนที่อยู่ทางตอนเหนือ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ชั้นเดียวรองรับด้วยชั้นหินสลับกันเป็นชั้นๆมีความสูงประมาณ 8 เมตร ทางด้านใต้เป็นน้ำตกที่มีความสูงมากกว่า สายน้ำที่พุ่งตกลงมากระเซ็นสู่ลำน้ำแควน้อย เราสามารถชมทัศนียภาพของน้ำตกไทรโยคได้โดยการเดินข้ามสะพานแขวนไปยังฝั่งตรงข้าม หรือโดยทางน้ำในฤดูหนาว นักท่องเที่ยวนิยมไปสัมผัสบรรยากาศของความหนาวเย็นแห่งสายน้ำและขุนเขา กลุ่มหมอกที่ลอยตัวเรี่ยผิวน้ำผ่านน้ำตกมีเสน่ห์ชวนให้หลงไหลยิ่งนัก 

                 
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า : 
        สภาพป่า ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง มีไม้ไผ่เป็นพื้น เช่น ไม้รวก ไม้ไผ่ป่า ไม้ไผ่นวล เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีป่าสัก ซึ่งขึ้นอยู่ในแนวแคบๆสองฝั่งแม่น้ำแควน้อย ป่าเต็งรังมีเป็นส่วนน้อย ส่วนป่าดงดิบชื้นจะมีอยู่ทางด้านตรงข้ามฝั่งแม่น้ำแควน้อย ไปจนติดชายแดนประเทศพม่า
        สัตว์นานาชนิด จากการสำรวจ พบรอยเท้า เก้ง กวาง ในบริเวณถ้ำหลายแห่ง และจากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่เชื่อถือได้พบว่า มีสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น ช้าง กระทิง วัวแดง เสือ หมี ชะนี ไก่ฟ้า นกนานาชนิด ซึ่งสัตว์เหล่านี้หากินข้ามเขตเทือกเขาของไทยและพม่า 


สถานที่ติดต่อ
อุทยานแห่งชาติไทรโยค หมู่ที่ 7 ต.ไทรโยค  อ. ไทรโยค  จ. กาญจนบุรี   71150
โทรศัพท์ 0 3468 6024   โทรสาร 0 3468 6024 หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เขตบางเขน โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ เวลา 09.00-15.30น.

การเดินทาง
ห่างจากตัวเมืองกาญจน์ 104 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 (กาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ) บริเวณกิโลเมตรที่ 82